วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555


สายการบินโลว์คอสท์ ปรับแผนการตลาด สร้างความมั่นคงและเอาใจลูกค้า



นกแอร์ ปรับแผนตั้งรับ โลว์คอสท์

นกแอร์ เชื่อว่าโลว์คอสท์ปี 2554 แข่งดุ เปิดแผนตั้งรับ เบนเข็มอัดงบตลาด สร้างกิจกรรมตระเวนสร้างประสบการณ์ต่างจังหวัด เตรียมเพิ่มเที่ยวบิน 20-30%
        นกแอร์ ในปีนี้จะมีการปรับแผนการตลาดเพื่อรับการแข่งขันโดยหันมาทำการตลาดในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น แทนการทำตลาด ส่วนกลางเพียงอย่างเดียว จากเดิมที่ใช้งบทั้ง 2 ส่วนในอัตราเท่ากัน คาดว่าในปีนี้จะปรับการใช้งบตลาดลงพื้นที่จังหวัดปลายทางต่างๆ เป็น 60-70% ของงบประมาณทั้งหมด ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าหลัก 95% ของนกแอร์เป็นคนไทย โดยมีผู้โดยสารจากกรุงเทพ และต่างจังหวัดอยู่ในระดับใกล้เคียงกันแต่ส่วนใหญ่สายการบินให้ความสำคัญกับการทำตลาดส่วนกลางมากกว่า โดยจะเน้นการสนับสนุนงานสำคัญในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งมีแผนพัฒนากิจกรรมใหม่ๆ ในแต่ละพื้นที่ เช่น การทำทัวร์คอนเสิร์ตนกแอร์ เป็นต้น
          นอกจากนี้จะพัฒนาการเดินทางเชื่อมโยงถึงแหล่งท่องเที่ยว ทั้งผ่าน นกมินิ รวมทั้งทางรถและเรือ เช่น เส้นทางกรุงเทพ สู่ 8 เกาะในจังหวัดตรัง ด้วยการต่อเรือ และอีก 3 เกาะโดยเดินทางต่อจากจังหวัดนครศรีธรรมราชและต่อเรือโดยสารซึ่งขายเป็นแพ็คเกจการเดินทางรูปแบบใหม่เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าคนไทยซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมายหลัก








 



         "แอร์เอเชีย มาเลเซียเป็นมูลค่าทางการตลาดขั้นพื้นฐานของแอร์เอเชีย 90% ของรายได้มาจากแอร์เอเชียมาเลเซียแต่แอร์เอเชีย มาเลเซียมีลูกค้าเป้าหมาย 25 ล้านคนเทียบกับลูกค้าในอาเซียนทั้งภูมิภาคที่มีทั้งหมด 600 ล้านคน หากเราดำเนินกลยุทธธุรกิจที่ถูกต้อง นั่นหมายถึงเราจะมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 400-500% แต่ไม่ใช่เพียงชั่วเวลาข้ามคืน ต้องใช้เวลา แต่ศักยภาพของตลาดการเดินทางทางอากาศในอินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น จะช่วยให้เราทำกำไรได้ ผมคิดว่าถ้าเราเดินถูกทาง เราทำกำไรเพิ่มได้ 400-500%แน่"
           แอร์เอเชียจะใช้กลยุทธ์เหมือนเดิม โฟกัสในสิ่งที่เชื่อมั่นว่าจะเป็นโอกาส ทั้ง Low Cost  Low Fare และ Good Service ซึ่งเป็นหัวใจแอร์เอเชียตั้งแต่เริ่มต้น
          "กลยุทธ์ยังเหมือนเดิม คือ โฟกัส โฟกัส และโฟกัส ทุกอย่างที่เคยทำมา และทำให้ประสบความสำเร็จ แอร์เอเชียก็จะทำเช่นนั้นอีก แต่ให้ดีขึ้น อย่างเครื่องบินโบอิง ที่เคยเป็นเครื่องบินหลักหลังจากนี้ ทยอยเปลี่ยนเป็นแอร์บัสเครื่องใหม่ทั้งหมด การทำตั๋วโดยสารให้ราคาถูกเข้าถึงคนในทุกกลุ่ม บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการสนับสนุนกีฬาทางรถ จะทำให้แอร์เอเชียประสบความสำเร็จได้เสมอ"
          สำหรับแอร์เอเชีย แผนการที่สำคัญในปีหน้า คือ การเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอินโดนีเซีย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งธุรกิจ พร้อมการขยายฝูงบิน โดยตั้งเป้าหมายร่วมกันว่า แอร์เอเชียจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเป็น 200 ล้านคนในอีก 3 ปีนับจากนี้ หลังจากมีผู้โดยสารครบ 100 ล้านคน ในเวลา 9 ปี แบ่งเป็นผู้โดยสารในมาเลเซีย 65 ล้านคน ไทย 23 ล้านคน อินโดนีเซีย 12 ล้านคน
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของไทยแอร์เอเชีย คือ การตลาดที่ยืนยันว่า ดีกรีของสีสันจะไม่ลดลง เพราะในปีหน้าจะมี 30 แคมเปญโปรโมชั่นราคา และขยายสู่ช่องทางใหม่ๆ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งการสร้างจุดขายใหม่ ไม่ว่าการนำ ครีสปี้ครีม โดนัทสุดฮิตขึ้นไปจำหน่ายบนเครื่อง หรือการต่อยอดเดลี้ดาดา แอร์โฮสเตสที่มีเอกลักษณ์ และได้ใจผู้โดยสาร ด้วยการสร้างความสัมพันธ์กับผู้โดยสารมากขึ้น ผ่านการเล่นเกมแจกรางวัลบนเครื่องบิน เติมแต่งให้การบริการประทับใจลูกค้ามากขึ้น สวนทางกับต้นทุนและราคาตั๋วโดยสารที่เน้นให้ต่ำ ตอกย้ำกลยุทธ์เดิม เพื่อนำชัยชนะอีกครั้ง



  


 สายการบินโอเรียนท์ไทยปรับแผนการตลาดเอาใจลูกค้า ขายตั๋วเบ็ดเสร็จในราคาเดียว บริการส่งตั๋วแบบเดลิเวอรี่ และสามารถเปลี่ยนวัน – คืนตั๋วได้

ด้านกรรมการผู้อำนวยการตั้งเป้าใน 1 ปีมีรายได้ 3,500 ล้านบาท ล่าสุดเพิ่มเที่ยวบินกรุงเทพฯ - มาเก๊า เพื่อเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน  
    
       คุณอุดม ตันติประสงค์ชัย กรรมการผู้อำนวยการสายการบิน โอเรียนท์ไทย เผยวิธีการทำธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำของโอเรียนท์ไทย ว่าจะเน้นที่ราคาเหมาะสมกับต้นทุน และขายราคาถูกกำไรน้อย โดยตั๋วโดยสารจะขายในราคาเดียวกันหมด
      
       “ในเดือนสิงหาคม ทาง วัน ทู โก จะมีการปรับแผนการตลาด และการประชาสัมพันธ์ โดยจะขายตั๋วเครื่องบินแบบเบ็ดเสร็จในราคาเดียวซึ่งรวมเงื่อนไขการบินต่าง ๆ เข้าไป ยกเว้นภาษีสนามบินที่เป็นข้อปฏิบัติให้ผู้โดยสารต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งจากการสำรวจตลาดถือว่าการขายตั๋วราคาเดียวที่ถูกใจของผู้โดยสารเนื่องจากว่าไม่ต้องมาเสียเวลาจ่ายค่าเงื่อนไขการบินต่าง ๆ เพิ่มอีก”
      
       สำหรับราคาตั๋วของโอเรียนท์ไทย ประกอบไปด้วย กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 1,150 บาท, กรุงเทพฯ-ภูเก็ต 1,150 บาท, กรุงเทพฯ-เชียงราย 1,250 บาท, กรุงเทพฯ-ขอนแก่น 1,050
      
       ในส่วนของแผนการตลาดและประชาสัมพันธ์ คุณอุดมได้กล่าวว่า โอเรียนท์ไทย จะร่วมกับทรู มีการซื้อตั๋วและสามารถเปลี่ยนวันได้ สามารถคืนตั๋วได้ โดยเสียค่าปรับ 200 บาท มีการขายตั๋วแบบเดลิเวอรี่ คือบริการส่งตั๋วถึงบ้าน โดยเสียค่าบริการครั้งละ 100 บาท (สั่งกี่ใบก็ได้) ในเขต กทม. และ 150บาทในชานเมืองกทม. นอกจากนี้จะมีรถโมบายจัดจำหน่ายตั๋วตามจุดต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ 30 จุด และการร่วมมือกับอีจีวี ขายตั๋วเครื่องบินในโรงภาพยนตร์
     
       “สำหรับตลาดของโอเรียนท์ไทยในเส้นทางการบินนี้ 80 % เป็นชาวจีน เนื่องจากว่าเศรษฐกิจจีนกำลังโตวันโตคืน และชาวจีนก็นิยมเดินทางไปเที่ยวเมืองไทยกันเป็นจำนวนมากโดยเที่ยวบินกรุงเทพฯ-มาเก๊าก็เปรียบดังเกทเวย์ของเขตเศรษฐกิจ เพิร์ลริเวอร์ดาต้า อันประกอบไปด้วยจีนตอนใต้-อ่องกง-มาเก๊า ซึ่งเมื่อใครบินมายังมาเก๊าแล้วจะเดินทางต่อไปยังจีนตอนใต้ ฮ่องกง ก็สามารถไปได้สะดวก ส่วนตลาดเมืองไทยนั้น จะอยู่ราว 20 %”
      
       นอกเหนือไปจากการเปิดเส้นทางบินใหม่ อุดม ยังได้เปรียบเทียบรูปแบบการบินราคาถูกของโอเรียนท์ไทย ระหว่างในประเทศที่เรียกวัน ทู โก กับ การบินระหว่างประเทศว่า ถ้าเป็นการบินราคาประหยัดในเมืองไทยจะเรียกว่า วัน ทู โก ส่วนถ้าบินระหว่างประเทศจะใช้ โอเรียนท์ ไทย โดยการบินในประเทศไทยซึ่งเป็นการบินระยะสั้นจะไม่มีการเสิร์ฟอาหาร ส่วนการบินระหว่างประเทศตั้งแต่ 2 ชั่วโมงขึ้นไปจะมีการเสิร์ฟอาหาร
      
       “ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คาดว่าใน1 ปี นับจากเดือนสิงหาคม 47 โอเรียนท์ไทย จะมีรายได้ทั้งหมด 3,500ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ในประเทศ 2,500 ล้านบาท รายได้ต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท และในรอบปีนี้ จะเพิ่มเที่ยวบินขึ้น คือ กรุงเทพ ฯ – อุบลราชธานี และกรุงเทพ ฯ –สุราษฎร์ธานี ส่วนในเดือนกันยายนนี้ก็จะเพิ่มเที่ยวบินกรุงเทพ ฯเชียงใหม่ เป็นวันละ 2 เที่ยว” อุดมกล่าว






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น